แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ งู แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ งู แสดงบทความทั้งหมด
วันพุธที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2562
กรำทุกข์เหนือทุกข์
ชีวิตเลือกได้


สวัสดี เพื่อน รัตติกาล ทุก ๆ ท่านก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวว่าผมไม่มีความรู้ทาง ธรรม เลยอาศัย การอ่าน การจดจำ การฟังเท่านั้นและการเขียนบทความต่าง ๆ และหาภาพมาลงให้เพื่อน ๆ ดูยิ่งเป็นการยากมากเลยและอีกประการหนึ่งผมถ่ายภาพมาเองเพราะฉะนั้นไม่ต้องต้องกลัวเรื่องการละเมิดลิขสิทธื์
หัวข้อธรรม....ผู้มีปัญญา อยู่ครองเรือน เพื่อประโยชน์แก่หมู่ชน พหูนํ วต อตฺถาย สปฺปญฺโญ ฆรมาวสํ(สัปปุริสสูตร ๒๓/๒๑๙)
จงทุกข์เมื่อมีทุกข์ จงสุขเมื่อมีสุข ให้คิดว่า ทั้งทุกข์และสุขคือความเป็นจริงของชีวิตความต้องการไขว่หาความสุขมากเกินไปคือที่มาของความทุกข์การสะใจกับความล้มเหลวของผู้อื่น ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประสบความสำเร็จการจมอยู่กับความทุกข์เศร้าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นการมอบความรู้สึกดี ๆ แก่ทุกคน คือ เสน่ห์ที่ทุกคนสามารถมีได้การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต คือการค้นพบตัวเอง
พุทธอุทาน....บัณฑิตในโลกนี้เมื่อยังมีความบากบั่นอยู่ควรละเว้นบาปทุกอย่างเหมือนคนตาดีละเว้นทางขรุขระฉะนั้นภิกษุผู้มีจิตสงบ และระงับกิเลสได้ ตัดปัญหา ที่นำไปสู่ภพชาติได้ มีชาติสงสารสิ้นแล้ว ชื่อว่า เป็นผู้หลุดพ้น จากเครื่องผูก แห่งมาร ความสงสัยเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีในอัตภาพนี้ หรือในอัตภาพอื่นที่มีในความรู้ของตนหรือในความรู้ของผู้อื่นบุคคลผู้เพ่งพินิจมีความเพียรประพฤติพรหมจรรย์อยู่ย่อมละเว้นความสงสัยเหล่านั้นทั้งหมด
การอธิฐานที่หลอมด้วยจิตใจที่ไม่มีอะไรมาทำลายได้ดังกล่าว ลุกโชนด้วยความหวังที่ไร้ขีดจำกัด นำมาซึ่งความสงบของจิตใจและพลังที่จะก้าวหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว นี่เป็นบ่อเกิดของความสุขที่ไม่มีอะไรเหนือกว่านี้ และเป็นหนึ่งในการการทำที่สูงส่งที่สุดที่เราสามารถทำได้ ในฐานะมนุษย์เราสามารถได้รับ ความปีติยินดีที่ไร้ขอบเขตของธรรมะอย่างอิสระเสรี ซึ่งคือสภาพชีวิตของโลกพุทธให้อ่านว่า พุทธะ สำหรับวันนี้จบเพียงเท่านี้ เพราะผมต้องไปทำอย่างอื่นต่อ....ราตรีสวัสดิ์
วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561
ฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิ


ชวนคิด - ชวนคุย เรื่องปลูกอะไรย่อมได้ผลเช่นนั้น
เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันครับ ปลูกถั่วเขียว - แต่ได้ถั่วงอกผู้เขียนได้ดูรายการ
สามเณรปลูกปัญญาธรรม ในการอบรมสามเณรรุ่นปี ๒๕๕๘ สามเณร ตฤน
ได้ถามพระอาจารย์ว่า ที่บ้านปลูกถั่วเขียวแต่ทำไมได้(ถั่วงอก)เป็นเด็กที่ช่าง
สรรหาคำถามจริง ๆ ผู้เขียนได้อ่านบทสนทนาของมูนิธิบ้านธรรมะจึงนำมา
แบ่งปันกัน และต่อยอดวามรู้ให้แตกแขนงต่อไป
มีคนนึงถามว่า ทำไมปลูกถั่วเขียว จึงได้ถั่วงอก
จริง ๆ แล้ว ถั่วเขียว ก็ไม่มี ถั่วงอกก็ไม่มี
มีแต่รูปที่ปรากฏทางตา ปรากฏเป็นสีสันวรรณะ
แล้วความจำได้หมายรู้ในเสียงและภาษา
ที่เกิดจากการปรุงแต่งทางใจ ก็จำได้หมายรู้ไว้ว่า
เป็นถั่วเขียวหรือ(ถั่วงอก)ตามการเห็น
จากทรรศนะของพระพุทธะ ทุกคนมีสิทธิที่จะมีความสุข ทุกคนมีศักยภาพที่จะดำเนินชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดี พวกเราซึ่งยึดถือพุทธธรรมของพระนิชิเร็นไดโชนินยิ่งรู้ดีถึงวิธีเชื่อมกับธรรมมหัศจรรย์ในชีวิตของเรา นั่นคือเหตุผลที่ไม่เพียงแค่เรามีสิทธิที่จะมีความสุข แต่ยังมีภาระหน้าที่ที่สำคัญในการช่วยเหลือผู้อื่นให้บรรุลความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเขาเช่นเดียวกัน
คำว่า ฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ผลิเสมอ หมายถึง มนุษยปุถุชนผู้ซึ่งเอาชนะการท้าทายทั้งหลายที่พวกเขาเผชิญในเส้นทางของการบำเพ็ญเพียรพุทธมรรคจะต้องกลายเป็นพระพุทธะอย่างแน่นอน คำพูดของพระนิชิเร็นไดโชนินเป็นเสียงคำรามของราชสีห์ที่ทรงพลัง ซึ่งประกาศว่า ลูกศิษย์ผู้ซึ่งอุทิศชีวิตเพื่อทำให้คนอื่นตื่นรู้และแสดงโลก(พุทธะ) ซึ่งซ่อนอยู่ภายในตัวของพวกเขาออกมาได้นั้น จะต้องบรรลุการรู้แจ้งอย่างแน่นอน
เทศกาลกินเจ
วันจันทร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2557
หนาว
วันเบา ๆ ท้องฟ้าโปร่งเหมาะแก่การถ่ายภาพจงอย่าให้วัน - เวลาผ่านพ้นไปโดยสูญเปล่า ?
จงเพียรพยายามในสองวิถีแห่งการปฏิบัติและการศึกษา หากขาดการปฏิบัติและการศึกษาแล้ว พุทธธรรมก็ไม่อาจดำรงอยู่ได้ ตัวเองจงปฏิบัติ แล้วสอนให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย การปฏิบัติและการศึกษานั้น เกิดจากความศรัทธา หากมีพลังแล้วจงพูดคุยแม้เพียงหนึ่งประโยคหรือหนึ่งวลี(เรื่องลักษณะที่เป็นจริงของปรากฏการณ์ทั้งหลาย ฉบับภาษาอังกฤษ......By....Nichiren Buddhism
Nichiren Buddhism Meditation
วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2557
วันนี้ขอให้ก้าวหน้าต่อไป
วันนี้ขอให้ก้าวหน้าต่อไปบนวิถีทาง
ที่ชาญฉลาด
การเรียนรู้ทำให้เราเ
ปิดโลกใหม่ได้
จงพยายามเรียนรู้จาก
กัลยาณมิตร
จงท้าทายอยู่เสมอ
เพื่อเสริมสร้างปัญญาของเรา
ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน ความกังวล ความทุกข์ และปัญหา ทั้งหมดเป็นสัญญาณแห่งการเจริญเติบโตของเราเอง ด้วยข้อความที่ว่า ไม่เจ็บปวดก็ไม่ได้รับผลตอบแทนจงอย่าให้ ลมแห่งความกังวลมาฉุดรั้งท่าน จงมุ่งไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ที่ละก้าวไม่จำเป็นต้องเร่งรีบเปรียบเทียบตัวเรากับผู้อื่น แค่เดินตามหนทางเฉพาะของท่านเองอย่างมั่นใจ ด้วยวิธีเฉพาะของท่านเอง
17 October 2020 Saturday
วันนี้ทำหน้าที่ by Mod Tanoi on Scribd
วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2557
小狗的故事
เบื้องหลังน่าเศร้า ไลก้า สุนัขอวกาศสุนัขตัวแรกที่โซเวียตส่งไปโคจรบนอวกาศ ทั้งนี้ ไลก้า สุนัขอวกาศ ได้เสียชีวิตหลังจากขึ้นไปบนอวกาศเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะความร้อน ทำให้องค์กรพิทักษ์สัตว์ของตะวันตกออกมาประณาม โซเวียต
หลังจากที่รัสเซียส่งดาวเทียมสปุตนิก 1 ขึ้นโคจรในอวกาศเป็นครั้งแรกของโลก เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ค.ศ. 1957 จนโลกแซ่ซ้อง นายนิกิต้า ครุชชอฟ ประธานาธิบดีในขณะนั้น จึงสั่งให้นายเซอร์เก โครอลยอฟ บิดาโครงการอวกาศโซเวียต นำดาวเทียมขึ้นไปโคจรบนอวกาศอีก เพื่อเฉลิมฉลองวันที่ 7 พฤศจิกายน วันครบรอบการปฏิวัติของบอลเชวิค คำสั่งนี้จึงเป็นที่มาของ "การเดินทางอวกาศของไลก้า"
นายบอริส เชอร์ทอค มือขวาของโครอลยอฟ กล่าวว่า โครอลยอฟมีเวลาไม่
ถึง 1 เดือนในการออกแบบดาวเทียมใหม่ พวกเขาหวั่นว่า การส่งดาวเทียมขึ้นไปอีกครั้ง อาจเกิดอุบัติเหตุจนเป็นการกลบชัยชนะครั้งแรก แต่ไม่อาจโต้แย้งครุชชอฟได้ ต่อมามีผู้เสนอความคิดให้นำสุนัขขึ้นไปด้วย ซึ่งโครอลยอฟก็ปิ๊งกับความคิดนี้ทันที แม้จะไม่ทราบถึงผลกระทบของอวกาศต่อสิ่งมีชีวิต
โซเวียตเคยทำการทดลองนำสุนัขขึ้นไปกับขีปนาวุธ สุนัขบางตัวรอดชีวิต โดยสุนัขที่นำมาทดลองเป็นพันทาง
เพราะเชื่อว่ามีความอดทนต่อสิ่งแวดล้อมสูง เพียง 9 วันก่อน "สปุตนิก 2" ออกเดินทาง ดร.วลาดิเมียร์ ยาซดอฟสกี้เลือก "ไลก้า" สุนัขอายุ 2 ขวบไปกับสปุตนิก ไม่มีใครทราบเหตุผลในการตัดสินใจ บางทีอาจเป็นเพราะว่า "ไลก้า" เป็นสุนัขที่รูปร่างลักษณะดี
ในบันทึกของยาซดอฟสกี้ระบุว่า รู้สึกสงสาร "ไลก้า" เพราะรู้ว่ามันต้องเสียชีวิตแน่นอน เวลาของมันที่จะอยู่ในโลกเหลืออยู่น้อยเต็มที เขาจึงนำมันกลับบ้านไปเล่นกับลูก ๆ ของเขาเป็นครั้งสุดท้าย วันต่อมา เขาพา "ไลก้า" ไปส่งที่ฐานทดลอง มันเดินเข้าไปประจำในแคปซูลอย่างเงียบ ๆ และสง่าผ่าเผย
ก่อนเดินทางเกิดอุปสรรคทางเทคนิค ไลก้าต้องนั่งอยู่ใน
แคปซูลนานถึง 3 วัน ในขณะนั้นอากาศหนาวมาก จนต้องติดตั้งสายยางจากภายนอกให้เข้าไปในแคปซูลเพื่อให้อากาศอบอุ่น กระทั่งวันที่ 3 พฤศจิกายนจึงสามารถส่งสปุตนิก 2 ขึ้นไปบนอวกาศได้ เมื่อไลก้าไปถึงอวกาศ แพทย์ต่างเบาใจเมื่อพบว่า หัวใจของ "ไลก้า" ยังเต้นอยู่ ความดันปกติ มันกินอาหารที่เตรียมไว้ให้ในแคปซูล ในรายงานของโซเวียตบันทึกว่า เมื่อประมาณ 1 อาทิตย์ผ่านไป "ไลก้า" จึงเสียชีวิต ทำให้องค์กรพิทักษ์สัตว์ของตะวันตกออกมาประณามโซเวียต
เมื่อโซเวียตล่มสลายแล้ว เจ้าหน้าที่
ซึ่งร่วมในโครงการจึงออกมาเปิดเผยความจริงของการส่ง "ไลก้า" ไปกับ "สปุตนิก 2" ว่า "ไลก้า" เสียชีวิตหลังจากขึ้นไปบนอวกาศเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพราะความร้อน หลังจาก "ไลก้า" โซเวียตยังส่งสุนัขขึ้นไปอีกอย่าง "เบลก้า" และ "สเตรลก้า" แต่พวกมันตายก่อนที่จะลงมายังพื้นโลก
จนวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1961 โซเวียตส่ง "ยูริ กาการิน" มนุษย์คนแรกของโลกที่ ขึ้นไปบนอวกาศ กาการินกล่าวอย่างติดตลกไว้ว่า "ผมไม่เข้าใจว่าผมเป็นใครกันแน่ ระหว่างมนุษย์คนแรกในอวกาศหรือสุนัขตัวสุดท้ายในอวกาศ
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
สิ่งสำคัญในการให้กำลังใจคน ๆ หนึ่ง
การฟังอย่างตั้งใจในสิ่งที่เขาพูดจนกว่าเขาจะแก้ไขปัญหาหรือความกังวลของเขาได้สิ่งสำคัญคือเราควรจะติดตามเขาอย่างสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สวดมนต์ และลงมือกระทำร่วมกับเขา
ขอให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการชี้นำบุคคล
ราเข้าสู่เดือนที่สำคัญวันสำคัญทางพุทธศาสนา
วิสาขบูชา(โลก)
จงเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต
ขอให้ทุ่มเทตัวเราเองอย่างอาจหาญวิริยะ
ขอให้เริ่มต้นยุคใหม่อย่างสมบูรณ์ในกิจกรรมของเรา
แก่นสารของการปฏิบัติพุทธธรรมของเราในที่สุดแล้ว อยู่ที่พฤติกรรมในฐานะมนุษย์
ขอให้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะแสดงความขอบคุณต่อครอบครัวสมาชิกของเรา
(แม้พวกเขาจะยังไม่ได้ปฏิบัติศรัทธา)
ที่ให้การสนับสนุนในการปฏิบัติของเราด้วยวิธีต่าง ๆ อยู่เสมอ
ขอให้เป็นผู้ฉลาด เป็นคนที่มีความเป็นมนุษย์
ผู้ซึ่งเพียรพยายามทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้
เพื่อสร้างครอบครัวที่สามัคคีกลมเกลียวกันอย่างมีความสุข
ปฏิจจสมุปบาท(คัดบางส่วนมา)
ผู้ที่เข้าใจ ปฏิจจสมุปบาท,
อาจกล่าวได้ว่า อวิชชา คือความไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่แทงตลอดในการดับทุกข์ ซึ่งฝังแน่นลงรากลึกอยู่ในจิต และไม่สามารถมองเห็นได้ในปุถุชน และเป็นต้นกําเนิดของความทุกข์ ทั้งหลายทั้งปวง
อวิชชาเกิดจาก ปัจจัยอันมีอาสวะกิเลสที่เกิดจากความทุกข์และสุขทั้งหลายที่ทิ้งผลร้ายหรือ แผลเป็นเอาไว้ อันทําให้จิตขุ่นมัว และเศร้าหมอง เป็นตัวกระตุ้น เร่งเร้า กล่าวคือเป็นเหตุเป็นปัจจัยร่วมกันกับอวิชชา คือเมื่อไม่รู้ในความเป็นจริง กล่าวคือ จึงไป ยึดอาสวะกิเลสนั้นว่าเป็น เราของเราอยู่ลึกๆในจิต จึงไปขุ่นมัวเศร้าหมอง หรือเต้นไปตามอาสวะกิเลสนั้นๆ
อาสวะกิเลส เหล่านี้อันมี
๑. โสกะ ความโศก โศรกเศร้า แห้งใจ หดหู่ใจ โศรกเศร้าจากการเสื่อมหรือสูญเสียต่าง ๆ เช่น โศกเศร้าของผู้ที่เสื่อมสุข เสื่อมญาติ เสื่อมทรัพย์ เสื่อมเกี่ยวด้วยโรค เสื่อมศีล เสื่อมทิฏฐิ เสื่อมยศ ฯลฯ.
๒. ปริเทวะ ความครํ่าครวญ โหยหา รํ่าไรรําพัน พิรี้พิไรรําพัน อาการของความอาลัยอาวรณ์คิดคํานึงถึงในสุขหรือทุกข์ในอดีตที่เสื่อมหรือสูญเสียไปแล้ว เช่นโหยหา อาลัย, ครํ่าครวญถึงสุข, ความสนุก, ญาติ, ทรัพย์, เกียรติ ฯลฯ.ที่เสื่อมหรือดับไปแล้วแต่อดีต อันอยากให้เกิด หรือไม่อยากเกิดขึ้นอีก
๓. ทุกข์ ความทุกข์ทางกาย ความไม่สบายกายทั้งหลาย ความจดจําได้ ความกลัว ในความเจ็บปวด ความป่วยไข้ การบาดเจ็บ
๔. โทมนัส เศร้าใจ เสียใจ ความทุกข์ทางจิต ความไม่สําราญทางจิต อารมณ์ไม่ดีเป็นทุกข์ หดหู่ เศร้าหมอง เกิดแต่ไม่ได้ตามใจปรารถนา
๕. อุปายาส ความขุ่นเคือง คับแค้นใจ ขุ่นข้อง เช่น ความโกรธ ความอาฆาต พยาบาท ขุ่นเคือง หรือเกิดจากความคับแค้นใจหรือถูกเบียดเบียน รังแก เอาเปรียบ หรือไม่ได้ดังใจปรารถนา
อาสวะกิเลสที่ เกิดจากความทุกข์เหล่านี้ที่หมักหมม นอนเนื่อง ซึมซ่าน ย้อมจิต เป็นตัวกระตุ้น เร่งเร้า ขับไส ผลักดันเป็น เหตุเป็นปัจจัยแก่กัน และกันร่วมกับอวิชชาความไม่รู้ตามความเป็นจริง กระตุ้นสังขารให้ผุดขึ้นหรือเจตนาขึ้นมาอัน เป็นเหตุปัจจัยอันก่อให้เป็นทุกข์ ปล่อยให้เป็นไปจนเป็นทุกข์ตามขบวนการเกิดของทุกข์ในปฏิจจสมุปบาท(ดูภาพ การเป็นเหตุปัจจัยร่วมกัน) อันจักหมุนดําเนินต่อไปไม่รู้จักจบ จักสิ้น เนื่องจาก ความไม่รู้ ไม่เข้าใจจึงหยุดวงจร แห่งทุกข์นั้นไม่ได้, และเหล่าอาสวะกิเลส เหล่านี้จะหมักหมม นอนเนื่องอยู่ในจิต
ตามปกติจะมองไม่เห็นเช่น โกรธเกลียดใครอยู่คนหนึ่ง และไม่พบกันเป็นเวลานานๆ เมื่อกาลเวลาผ่านไป เป็นเวลาหลายปีเมื่อมาเจอกันอีก อาสวะกิเลส(อุปายาส-ความขุ่นข้อง คับแค้นใจ)ที่นอนเนื่องสงบอยู่ จนไม่เคยคิดว่ายังมีอยู่ จะเกิดขึ้นทันที เปรียบได้ดั่งนํ้าที่แลดูใสสะอาดแต่ มีตะกอนนอนก้นอยู่ เมื่อมีสิ่งใดมากวนก็จะฟุ้งกระจายขึ้นมาแสดงความไม่บริสุทธิ์ให้เห็นทันที แต่มันไม่จบแค่นั้น มันร่วมเป็นปัจจัยกับอวิชชาความไม่รู้ให้ทํางานเริ่มวงจรของทุกข์...เริ่มสังขารในปฏิจจสมุปบาท เช่นความคิดที่เป็นทุกข์ ก่อทุกข์ใหม่ขึ้นอีกครั้ง ให้เป็นไปตามวงจรปฏิจจสมุปบาทอีก, นอกจากตกตะกอนนอนเนื่องแล้ว ยังมีแขวนลอยเป็นเชื้อโรคอยู่ในจิตเฉกเช่นเดียวกับนํ้า ที่มีทั้งแขวนลอยและตกตะกอน
อาการพวก
แขวนลอยได้แก่มีอาการหดหู่ หงุดหงิดมีโทสะกรุ่นๆโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ ขุ่นมัว เศร้าหมอง มักไม่เห็นเหตุที่เกิด นอกจากใช้ตาปัญญาเท่านั้น อาการอย่างนี้เป็นได้นานๆมาก ล้วนเป็นผลมาจากพิษภัยอันร้ายกาจของอาสวะกิเลส และเพราะอาสวะกิเลสนั้นก็เป็นสภาวะธรรมชาติที่เกิดจากความจํา(สัญญา)ดังนั้นจึงคงมีอยู่อันเป็นสภาวะธรรม(ชาติ), เราจึงจําเป็นต้องมีวิชชาไม่ปล่อยไปตามอาสวะกิเลสนั้นๆ จนกว่าจักสิ้นอาสวะกิเลส(หมายถึงดับกิเลสโดยสัญญาจํายังมีอยู่ แต่ไม่มีผลใดๆต่อสภาวะจิตใจเนื่องจากเข้าใจสภาวะธรรมระดับสูงสุดแล้ว)เป็นการถาวร ดั่งนี้ท่านคงเห็นแล้วอวิชชาความไม่รู้ตามความเป็นจริงแห่งธรรม(ชาติ)นั้นเป็นตัวสําคัญที่สุด เข้าใจยาก กําจัดยาก พระพุทธองค์จึงทรงจัดไว้ลําดับสุดท้ายใน สังโยชน์ ๑๐ (ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์)ที่ต้องกําจัดก่อนถึงนิโรธ
วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
あなたの家のヘビを保護する方法
วิธีป้องกันงูเข้าบ้านคุณ การป้องกันงูเข้าบ้านนั้นสามารถป้องกันได้โดยแก้จากเหตุจูงใจให้งูอยากเข้าบ้านโดย 1. อย่า ให้บ้านเราเป็นแหล่งรวมอาหารของงู เช่น กำจัดหนูโดยการดัก เบื่อ และจัดบ้านให้สะอาด เป็นระบียบเรียบร้อยไม่รกรุงรัง 2. ทิ้งขยะให้เป็นที่และมิดชิดเพื่อไม่ให้หนูกิน เมื่อประชากรหนูลดลง งูก็จะลดลงตามไปด้วย 3. ท่านใดที่ชอบเลี้ยงสัตว์ก็ควรเลี้ยงสัตว์ที่เป็นศัตรูกับงูเพื่อไว้ไล่งู เช่น เลี้ยง
หมา แมว ห่าน เป็นต้น ฯลฯ 4. ลดแหล่งที่อยู่ จัดสภาพแวดล้อมให้ยากและไม่เหมาะสมแก่งูที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ หรือทำรังวางไข่ อย่าทิ้งพื้นที่ให้รกซึ่งจะเป็นแหล่งให้งู สามารถหลบซ่อนได้เช่น การอุดรู ใส่ตะแกรงท่อระบายน้ำ หรือทุกเส้นทางที่จะเข้าไปในตัวบ้าน ( โดยเฉพาะโพรงใต้บ้าน ) กลบหลุมหรือ โพรงที่มีตามสนามหรือขอบรั้ว กำแพง ตัดกิ่งไม้ที่พาดหรือใกล้ชายคาตัวบ้านหรือรั้ว กำแพง ฯลฯข้อควรปฏิบัติเมื่องูเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว 1. สังเกตุและแยกแยะประเภทของงูก่อนเลยครับว่าเป็น งูมีพิษหรือไม่มี โดยสังเกตุง่ายๆ ที่ หัวหากลักษณะเป็น สามเหลี่ยม นั้นคืองูมีพิษ แต่หาก มีลักษณะ มนกลม งูไม่มีพิษ ซึ่งบ้านเรามีอยู่ชัดๆ เจอบ่อยๆ 2 พวกคือ งูเหลือม งูหลาม กับ งูเห่า ซึ่งแยกค่อนข้างชัด โดยที่งูเหลือมงูหลามเป็นงูไม่มีพิษแต่มีอันตรายโดยการรัดเหยื่อ ส่วนงูเห่ามีแม่เบี้ยแผ่ให้เห็นชัดเจน ทำร้ายโดยการกัด
และปล่อยพิษ ฉะนั้นการหลบหลีก หรือจับก็จะแตกต่างกัน และต้องได้รับการฝึกฝนเป็นการเฉพาะ 2. ไม่ควรใช้วิธีไล่งูเพราะถึงคุณจะไล่ได้ในวันนี้วันอื่นๆมันก็จะกลับมาเหมือนเดิม งูจะพุ่งฉกหรือกัดเหยื่อที่เคลื่อนไหวฉะนั้นหากเผชิญกับงูให้อยู่นิ่งๆแล้วเคลื่อนไหว หรือถอยฉากหนีอย่างช้าๆโดยจับตาดูการเคลื่อนไหวของงูไว้ เพื่อหลบหลีกและควรอยู่ในระยะที่ปลอดภัย 3. เฝ้าสังเกตุว่างูยังอยู่ที่เดิมหรือมีทิศทางการเคลื่อนที่ไปในทิศทางใด เพื่อกันการหลบหนี 4. กันสมาชิกในบ้านให้อยู่ห่างมันไว้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมาเอาไว้ให้ห่าง เพราะอาจโดนฉกหรือทำร้ายได้ และ อาจจะเป็นการไล่งู ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง 5. เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน เพราะมนุษย์นั้นไม่ใช่เหยื่อโดยธรรมชาติของงู หากเราไม่ทำร้ายงูก่อน งูก็จะหลีกเลี่ยงไม่ทำร้ายมนุษย์เช่นกัน 6 . โทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือ ที่ 199 ดับเพลิงและกู้ภัยวิธีไล่งู ตามความเชื่อแต่ละบุคคล
1. งู ที่กลัวเชือกกล้วยจะมีก็เฉพาะงูเหลือมเท่านั้น ซึ่งได้มีการพิสูจน์มาแล้ว ส่วนงูพิษยังไม่มีรายงาน การเลี้ยงสุนัข หรือห่านเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุด
2. ใช้ สารเคมีที่มีกลิ่นฉุน เช่น น้ำมันก๊าด ( หาง่าย และไม่อันตรายกับคน และสัตว์เลี้ยง ) ให้ฉีดพ่นหรือราดรอบๆ บริเวณที่ไม่ต้องการให้มีงูอยู่ (ถ้าฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดที่รังงู ก็จะหนีไปเหมือนกันครับ ) และ ควรฉีดพ่นหรือราดน้ำมันก๊าดในช่วงที่ไม่มีเด็กๆ อยู่ เพราะงูจะออกมาจากที่หล่บซ่อน วิธีนี้เคยใช้จัดการกับงูเห่ามาแล้วใช้ได้ผลครับ ลองนำไปประยุกต์ใช้ดูนะครับไม่ต้องฆ่าเขาด้วยแค่ไล่ไปเท่านั้น
3. ใช้ผงกำมะถัน ( สีเหลืองๆ ) มาผสมน้ำแล้วราดบริเวณรอบบ้าน แต่วิธีนี้ต้องทำบ่อยหน่อย อย่างน้อย เดือนละครั้ง เพราะกำมะถันเจือจางแล้วงูก็เข้าอีก
4. เรื่องของงูมีข้อแนะนำนิดหนึ่งคือ ถ้าหากเผชิญหน้า
กับงูโดยบังเอิญให้เรานิ่งๆอย่าขยับ เพราะงูสายตาไม่ค่อยดีแต่ประสาทสัมผัสเป็นเยี่ยม ดังนั้นเขาจะโจมตีเป้าที่มีการเคลื่อนไหว ถ้าเราอยู่เฉยๆ สักพักพอเขาไม่เห็นว่ามีอันตรายหรือไม่มีอะไรเคลื่อนไหว เขาก็จะลดแม่เบี้ยแล้วก็เลื้อยหนีไปเองคาถาป้องกันงู ตามความเชื่อแต่ละบุคคล ปะถะมังพันธุ กังชาตัง ทุติยังทัณฑะ เมวะจะ ตะติยังเภทะกัญเจวะ จะตุตถังอังกุ สัมภะวัง ปัญจะมังสิระสังชาตัง นะงู นะกาโร โหติสัมภะโว ( ใช้ภาวนาเมื่อต้องเข้าป่าที่รก หรือแม้แต่เมื่อขณะพบเจองู จะทำให้คุณปลอดภัย ) ธรรมชาติ
ของ งู งู{Snake = 蛇} เป็นสัตว์เลื้อยคลาน ชนิดหนึ่ง ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่ว ทั้งลำตัว ลักษณะลำตัวยาวซึ่งโดยขนาดของความยาวนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของงู ปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น จัดอยู่ในชั้น Reptilia, ตระกูล Squamata , ตระกูลย่อย Serpentes โดยทั่วไปแล้วงูจะกลัวและไม่กัด นอกเสียจากถูกรบกวนหรือบุกรุก จะเลื้อยหลบหนีเมื่อมีสิ่งใดเข้ามาใกล้บริเวณที่อยู่ ออกล่าเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว โดยกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมบ้านมีตั้งหลายหลัง แต่ทำไมเจ้างูต้องเข้ามาอยู่ในบ้านเราด้วย หรือจะเป็นคราวเคราะห์จริง ๆ ซึ่งอันที่จริง
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)