วันเสาร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

ชุมทางชีวิต ตอน a kind person and a person is evil - minded








มีครอบครัวอยู่สองครอบครัวครอบครัวหนึ่งคนในครอบครัวนั้นใจดี มีความเมตตากรุณาเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ส่วนอีกครอบครัวนั้นใจร้ายมีแต่ความคิดอิจฉาริษยา เห็นแก่ตัวมีเทวดาองค์หนึ่งอยากทราบถึงสภาพชีวิตจิตใจของคนในเมืองมนุษย์ว่ามีจิตใจดีหรือใจร้ายอยู่มากน้อยเพียงใดจึงได้เสด็จลงมายังเมืองมนุษย์โดยแปลงเป็นพระธุดงค์ เมื่อถึงเมืองมนุษย์ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายแล้ว ก็ตรงไปยังบ้านของคนใจร้าย พบสองสามีภรรยาอยู่ที่บ้านพอดีจึงเอ่ยขึ้นว่า.

โยมอาตมาขอน้ำฉันสักขันหนึ่งเถอะ อาตมาเดินทางมาไกลรู้สึกกระหายน้ำจังเลยน้ำที่บ้านฉันไม่มีเลยท่าน นิมนต์ไปขอที่บ้านอื่นเถอะอย่างนั้นขออาตมาปักกลดอยู่ในบริเวณบ้านของโยมหน่อยจะได้ไหมโยมคงไม่ได้หรอกท่าน เพราะบริเวณบ้านของฉันมันคับแคบไม่มีที่พอจะให้ท่านปักกลดได้หรอกงั้นก็ไม่เป็นไรอาตมาลาก่อนล้ะน่ะโยม ว่าแล้วพระธุดงค์ก็เดินออกจากบ้านสามีภรรยาใจร้ายไปด้วยความผิดหวัง คิดในใจว่านี่หรือน้ำใจของมนุษย์ที่มักแสดงตนว่าตนเองเป็นสัตว์ประเสริฐพระธุดงค์ก็เดินทางต่อไป จนถึงบ้านของ

คนใจดีสองสามีภรรยาเห็นพระธุดงค์เข้า ก็รีบลงจากบ้านมายกมือไหว้ แล้วพูดกับพระธุดงค์ว่าพระคุณเจ้าจะไปไหนหรือครับ นิมนต์ขึ้นบนบ้านก่อนครับ สามีพูดขอบใจมากโยม อาตมาธุดงค์มาเพื่อโปรดญาติโยมนี่แหละ ขอบพระเดชพระคุณท่านมาก ที่ได้เมตตามาโปรดถึงที่นี่ ขอท่านได้ฉันน้ำแก้กระหายก่อนครับ สามีพูดพร้อมกับยกน้ำขึ้นถวาย แล้วพูดต่อไปว่า คืนนี้ ผมขอนิมนต์ท่านปักกลดอยู่ที่นี่ก่อน อย่าเพิ่งธุดงค์ไปไหนนะครับ เพื่อผมสองคนจะได้มีโอกาสได้ทำบุญบ้าง ขอบใจมากจ้ะโยม โยมมีน้ำใจต่ออาตมามากเหลือเกิน อาตมาจะไม่ลืมบุญคุณของโยมเลย พระธุดงค์พูด

คืนนั้นพระธุดงค์ได้ปักกลดอยู่ในบริเวณบ้านของสามี ภรรยาผู้ใจดีนั้นครั้นถึงรุ่งเช้า สองสามีภรรยาได้นำอาหารมาถวายพระธุดงค์ เมื่อพระธุดงค์ฉันอาหารเสร็จแล้ว ก้ได้ให้พรสองสามีภรรยา และท่านได้พูดกับสองสามีภรรยาผู้มีน้ำใจว่า โยม ก่อนที่อาตมาจะจากโยมไป อาตมาไม่มีสิ่งใดจะตอบแทนในน้ำใจอันประเสริฐของโยมนอกจากต้นไม้ต้นนี้ขอให้ โยมนำไปปลูกดูแลให้ดีเถิดพระธุดงค์พูดแล้วก็ส่งต้นไม้นั้นให้สามีคนใจดี เมื่อพระธุดงค์จากไปแล้ว สองสามีภรรยาแห่งบ้านคนใจดีก็นำต้นไม้นั้นไปปลูกไว้ใกล้ๆ บ้าน

ของตน ชั่วเวลาเพียง ๗ วันเท่านั้นต้นไม้วิเศษต้นนั้น ก็โตวันโตคืน โตจนโอบไม่รอบ สองสามีดีใจมากจึงปรึกษากันว่าจะอาต้นไม้นั้นไปทำอะไรดี ในที่สุดก็ตกลงโค่นต้นไม้นั้น แล้วนำมาทำครกกับสากตำข้าว พอทำเสร็จแล้วก็เอาข้าวมาตำข้าวกระบุงหนึ่ง ตำมาออกได้หลายสิบกระบุงยิ่งตำข้าว มากก็ยิ่งออกมามากออกมาไม่หยุด ทำให้สองสามีภรรยาแห่งบ้านคนใจดีร่ำรวยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เป็นคนมีอันจะกิน มีฐานะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เรื่องครกตำข้าวของบ้านคนใจดี ได้ลือไปถึงบ้านของคนใจร้ายสองสามีภรรยา บ้านคนใจร้ายจึงคิด

อยากจะได้ครกวิเศษลูกนั้นมาตำข้าว จะได้ร่ำรวยอย่าง ครอบครัวของคนใจดีบ้างเมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงตรงไปยังบ้านของคนใจดีทันที ครั้นถึงภรรยาของบ้านคนใจร้ายก็เอ่ยขึ้นว่า นี่ท่านทั้งสอง ฉันขอยืมครกกับสากของท่านไปตำข้าวที่บ้านของฉันสักวันจะได้ไหมจ้ะ ได้สิจ้ะอย่าว่าแต่วันเดียวเลย จะยืมกี่วันก็ได้ ตำข้าวเสร็จเมื่อไรก็นำเอามาคืนก็แล้วกัน ฉันไม่หวงหรอก ภรรยาบ้านคนใจดีพูด อย่าง นั้นก็ขอบใจท่านทั้งสองมาก ที่ได้ให้ครกกับสากฉันขอยืม ฉันลาก่อนละนะ อีกสองสามวันจะเอามาคืนภรรยาบ้านคนใจร้ายพูด แล้วก็ช่วยกันกลิ้งครกไป เมื่อถึงบ้านของตน ทั้งสองสามีภรรยาบ้านคนใจร้ายก็รีบนำข้าวเปลือกมาตำ ตอนแรกทดลองใส่ข้าวไปหนึ่งกระบุงก่อน แล้วก็ลงมือตำ

ตำไปได้สักพัก ปรากฏว่าข้าวหดตัว ลดเหลือเพียงครึ่งกระบุง จึงใส่ข้าวเปลือกลงไปสองกระบุง ตำแล้วข้าวหดตัวเหลือเพียงหนึ่งกระบุง ยิ่งเอาข้าวมาตำมากเท่าไหร่ ข้าวก็หดลดน้อยลงเท่านั้นจนทั้งสองสามีภรรยาไม่กล้าเอาข้าวมาตำอีก ด้วยความโกรธสองสามีภรรยาแห่งบ้านคนใจร้าย จึงช่วยกันเอามีดมาผ่าครกกับ สากที่ขอยืมมาจากบ้านคนใจดีจนแหลกใช้การไม่ได้

ฝ่ายสองสามีภรรยาแห่งบ้านคนใจดีเมื่อทราบข่าวว่า ครกกับสากของตน ที่คนใจร้ายขอยืมไปนั้น ถูกฟันทำลายจนแหลกใช้การไม่ได้ ก็ เดินทางไปยังบ้านของคนใจร้าย พบเศษครกกับสากทิ้งอยู่เกลื่อนก็เก็บเอาทั้งหมด แล้วนำกลับบ้าน เมื่อถึง บ้านแล้ว สองสามีภรรยาบ้านคนใจดีก็ปรึกษากันว่า จะนำเศษไม้มาทำอะไรกันดี ในที่สุดก็ตกลงว่าจะทำหีบใส่ของ ชั่วเวลาไม่นาน ทั้งสองสามีภรรยาก็ช่วยกันทำหีบไม้ได้สำเร็จดังใจ เมื่อได้หีบไม้มาแล้วก็นำเอาเงินและทองที่เก็บสะสมมาเป็นเวลานาน ซึ่งมีเพียงเล็กน้อย

เท่านั้นใส่ลงไปในหีบ ครั้นวันรุ่งขึ้น ได้นำหีบมาเปิดดูก็พบทองคำเต็มหีบ ทั้งสองสามีภรรยาบ้านคนใจดีจึงร่ำรวยยิ่งขึ้น เรื่องหีบวิเศษของบ้านคนใจ ดีได้ลือไปถึงบ้านของคนใจร้ายอีกเช่นเคย สองสามีภรรยาบ้านคนใจร้าย จึงคิดอยากจะได้หีบวิเศษนั้นมาใส่เงินทองของตน จะได้ร่ำรวยอย่างครอบครัวของคนใจดีบ้าง เมื่อคิดดังนั้นแล้วจึงตรงไปยัง บ้านคนใจดีทันที ครั้นถึงภรรยาของบ้านคนใจร้ายก็เอ่ยขึ้น นี่ท่านทั้งสอง ฉันขอยืมหีบของท่านไปใส่เงินใส่ทองบ้างจะได้ไหม ฉันอยากจะรวยอย่างท่านทั้งสองบ้าง ได้สิจ้ะ ฉันไม่หวงหรอก แต่อย่าทำลายหีบของฉันอีกก็แล้วกัน ภรรยาบ้านคนใจดีพูด จ๊ะฉันสัญญาว่าจะ ไม่ทำแบบนั้นอีก ถ้าท่านให้ฉันขอยืม

เอ๊า.....นี่หีบ เมื่อเธอเสร็จธุระแล้วก็รีบนำมาส่งฉันก็แล้วกันภรรยาบ้านคนใจดีพูด พร้อมส่งหีบไม้ให้กับภรรยาบ้านคนใจร้ายทั้งสองสามีภรรยาบ้าน คนใจร้าย เมื่อได้หีบแล้วก็รีบนำกลับมายังบ้านของตนทันที เมื่อถึงบ้านก็รีบนำเงิน และทองที่เก็บสะสมมาทั้งหมดใส่ลงในหีบ แล้วปิดหีบนำไปเก็บไว้ พอรุ่งเช้า ก็รีบนำหีบมาเปิดออกดู ในใจทั้งสองคนคิดว่าคงจะมีทองคำเต็มหีบอย่างแน่นอน แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้าม ปรากฏว่าในหีบใบนั้นมีแต่ ก้อนหินเต็มไปหมด ทั้ง สองสามีภรรยาบ้านคนใจร้ายเห็นดังนั้น ต่างหน้ามืดจะเป็นลมด้วยความโกรธ จึงหยิบหีบใบนั้นทุ่มลงกับพื้นจนหีบแตกกระจาย เพราะหีบวิเศษทำให้เขาประสบหายนะล่มจม เงินทองที่หามาได้ตลอดชีวิตไม่มีเหลือเลย กลายเป็นหินไปหมดนั่นเอง

ข้อคิด

คนที่มีความเมตตากรุณา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เสียสละช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ

ทำสิ่งใดก็จะประสบแต่ความเจริญรุ่งเรือง คนที่เห็น

แก่ประโยชน์ส่วนตัว คิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว ไม่เคยเป็นผู้

ให้ จิตใจคับแคบ ทำสิ่งใดก็จะประสบแต่อุปสรรคและความ

หายนะ ความโลภอยาก ได้ของคนอื่นมาเป็นของตน

จะนำมาซึ่งความทุกข์ความเดือดร้อนแก่ตนเองและครอบครัว