วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ท่าปฏิบัติในการคุกเข่ากราบพระ - พ่อ - แม่




佛门礼仪~长跪 ฉางกุ้ย แปลว่า คุกเข่ากราบอย่างจริงใจ "+"

ธรรมดาพระอรหันต์เป็นผู้บริสุทธิ์หมดจดแล้ว ถือกันว่าเป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมหากใครได้ทำบุญกับอรหันต์ก็นับว่าเป็น ลาภอันประเสริฐของผู้นั้นเราจึงแสดงหาพระอรหันต์กันทั่วทุกหนแห่ง ถึงกับพอได้ยินข่าวคราวว่าพระองค์นั้นองค์นี้เป็นพระอรหันต์ หรือพระอรหันต์มีอยู่ที่นั่น ที่นี่ เราก็จะพากันดั้นด้นไปหาแม้ว่าท่านจะอยู่ห่างไกลหรืออยู่ลึกกลับในหุบในห้วย ป่าไหนตำบลไหนก็ตามแม้ว่าจะเราจะไม่มีข้อพิสูจน์ได้ถ่องแท้ว่าท่านเป็นพระ อรหันต์จริงหรือไม่ก็ตาม เราก็ยังต้องการทำบุญกับท่านอยู่ดี พระอรหันต์มีคุณนุภาพอย่างนี้ และพระอรหันต์นั้น ท่านจะประกอบด้วยจิตใจที่อ่อนโยนมีน้ำใจที่เอื้อเฟือ้มุ่งแต่จะอนุเคราะห์ มวลพลโลกให้พ้นจากห้วงแห่งความทุกข์ ให้พ้นจากความยากลำบาก และพ้นจากหุบเหวแห่งความเป็นทาสของกิเลสตัณหาเท่านั้น โดยจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนเป็นคนมีอิสระเป็นไทแก่ตัว มีเสรีภาพในหัวใจของตัวเอง ไม่ต้อง
ดิ้นรนหาเสรีภาพ หรือความเป็นอิสระจากบุคคลอื่นด้วยวิธีการกระจายพลัง ธรรมให้กว้างขวางออกไปในหมู่ปวงชน ให้หมู่ชนอยู่ในร่มเงาแห่งพระธรรมคำสั่งสอน และให้เดินทางไปตามมรรคที่ถูกต้องด้วยมีแสงประทีปแห่งธรรมเป็น เครื่องส่องให้เห็นมรรคนั้น ๆ ซึ่งการกระทำเช่นนั้นย่อมทำให้เกิดความไม่พอใจแก่คนบางหมู่บางเหล่า แต่ว่าแม้ใครจะด่าว่าฆ่าแกงท่าง จะมุ่งร้ายหมายหัวท่าน หรือขัดขวางการกระทำเช่นนั้น ท่านก็มิได้ถือโทษโกรธเคืองในผู้นั้น ๆ จะมีก็แต่เพียงแผ่การุญภาพให้เขาเหล่านั้น พ้นจาก
หุบเหวแห่งความอาฆาตพยาบาลมาตร้ายนั้นเสีย ยอมให้อภัยเขาด้วยประการทั้งปวง ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ทางกาย และน้ำใจของท่านก็ใสสะอาดอย่างนี้ มวลมนุษย์จึงได้ขนานามท่านว่า พระอรหันต์ คือผู้ห่างเว้นจากกิเลส โลภ โกรธ หลงแล้ว และขนานนามว่า อาหุไนยบุคคล คือผู้สมควรที่จะได้รับการยกย่องเชิดชู และสมควรที่เราท่านจะพึงเข้าไปกราบไหว้บูชา สมควรจะได้รับของบูชานั้น ๆ จากเราไม่ว่าเราจะนำไปถวายท่านถึงที่หรือเราจัด เตรียมไว้ในบ้าน น้ำใจของพระอรหันต์ที่มีต่อมวลชนหมดจดฉันใด น้ำใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูกก็หมดจดฉันนั้น เพราะฉะนั้น พ่อแม่จึงเปรียบเสมือนพระอรหันต์ของลูกเป็นพระอรหันต์ที่ลูกจะพึงได้พบได้ เห็นในปัจจุบันทั้งอยู่ในบ้านของตนทุก
ขณะทุกเวลานั่นเอง ถ้าพูดถึงความรักลูก ความมีน้ำใจต่อลูก ความห่วงใย และความต้องการให้ลูกได้ดิบได้ดีทัดหน้าเทียมตาคนอื่นๆ ความต้องการให้ลูกอยู่เย็นเป็นสุข ไม่อยู่ร้อนนอนทุกข์ต้องการให้พ้นจากภัยพิบัตินานาประการแล้ว พ่อแม่ย่อมมีไม่แพ้พระอรหันต์ที่มีต่อมวลมนุษย์เลย ถ้าจะพูดให้ยิ่งไปกว่านี้ก็อาจพูดได้เต็มปากว่า บางครั้งพ่อแม่ก็มีภาษีดีกว่าพระอรหันต์เสียด้วยซ้ำ มีภาษีตรงที่ว่าพ่อแม่ยังมีโอกาสแสดงออกต่อเราผู้เป็นลูกบ่อยครั้งกว่าพระ อรหันต์จริง ๆ ซึ่งพระอรหันต์ดังกล่าวนั้น บางทีในชีวิตเรานี้เราไม่เคนได้รับอุปการคุณจากท่านเลย ทั้งนี้เพราะท่านหาได้ยากจริงๆในยุคปัจจุบันหรืออาจจะไม่มีแล้วก็เป็นได้ เราจึงเหลือกันเพียงพระอรหันต์ในบ้านไว้ให้ดูต่างหน้าพระอรหันต์อริยบุคคล คือ พ่อกับแม่ เท่านั้น ทั้งพ่อกับแม่ มีน้ำใจบริสุทธิ์ต่อเราผู้เป็นลูกนัก คิดดูเถิดตอนเราเป็นเด็ก เราเคยหยิก เคยข่วน ทุบ ตี เตะ ต่อย กัด หรือด่าทอท่านต่าง ๆ นานา เพราะไร้เดียงสา ท่านไม่โกรธเคือง กลับยิ้มร่าชอบใจเพิ่มความรักความเอ็นดูขึ้นอีก แม้เราเป็นผู้ใหญ่รู้เดียงสาแล้ว แต่ก็ยังทำอยู่เช่นนั้นแทนที่ท่านจะโกรธถือโทษ หรือเอาผิดต่อเรา ท่านกลับยอมนิ่งเฉย ทนยอมรับทุกข์เพียงฝ่ายเดียว ยอมเสียน้ำตายอมเป็นเครื่องรองรับมือ เท้าและปากของเรา ให้อภัยในการกระทำของเราเสมอ เพราะ
ท่านกลัวเราจะเป็นบาปเป็นกรรม หรือมีเวรต่อไปข้างหน้า จึงยอมเจ็บยอมทุกข์เสียเอง พระอรหันต์ของเราจริงๆ เราได้รับอุปการะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่มาจนป่านนี้ หากจะคิดถึงความสิ้นเปลืองข้าวสุกข้าวสารแกงกับต่าง ๆ ผ้านุ่ง ผ้าห่ม เงินทอง และความสิ้นเปลือง ไปของแรงกายแรงใจของพ่อแม่ที่ท่านได้ทุ่มเทให้เรานั้น ย่อมประมาณค่าออกมาเป็นตัวเลข หรือด้วยสัญลักษณ์ใด ๆ ให้รู้ไม่ได้เลย ทั้งนี้เพราะมันมากมายเสียจนเกินกว่าจะประมาณหรือประเมินได้ ดังนั้นอย่าได้ตีค่าน้ำใจของพระอรหันต์ในบ้านออกมาเป็นเงินเป็นทองเลย ถึงจะตีให้สูงสักเท่าไร ก็ไม่มีวันถูก หรือทัดเทียมสมน้ำสมเนื้อกับความเป็นจริงที่ท่านได้ทุ่มเทไว้ทั้งกายและใจ เลย ทั้งน้ำใจของท่านก็ไม่ควรจะถูกตีราคาค่างวดเป็นเงินเป็นทองแบบพ่อค้าตีราคา สิ่งของทั้งหลายด้วย ไม่มีใครในโลกนี้ที่จะหวังดีปรารถนาดีต่อเราอย่างจริงจัง และจริงใจเหมือนพ่อแม่ของเราหรอก และไม่มีใครในโลกนี้ที่จะเลี้ยงดูเราได้ดีเหมือนท่านด้วย ท่านเลี้ยงเรามาตั้งแต่เราอยู่ในท้องของท่าน แม้ท่านจะไม่รู้ว่าลูกในท้องนั้นจะเป็นหญิงหรือชายมีหน้าตาเป็น
อย่างไร จะพิกลพิการ หูหนวก ตาบอด จะสมประกอบ เหมือนเด็กทั่วไป หรือคลอดออกมาแล้วจะเป็นตายอย่างไร แม้ท่านจะไม่รู้ไม่ทราบ แต่ท่านก็ประคับประคองเรามาด้วยดีเก้าเดือนบ้างสิบเดือนบ้าง คลอดออกมาแล้วท่านทั้งสองไม่เคยคิดรังเกียจเราเลย เราจะเป็นหญิงเป็นชายพ่อแม่พอใจทั้งนั้น แม้ท่านจะผิดหวังบ้างในตอนแรก แต่ท่านก็พอใจในตอนหลัง เพราะถือว่าเราเป็นลูกบางทีบางครั้งเกิดมาพิกลพิการพ่อแม่ก็ยังรักอยู่ ตาบอดท่านก็รัก หูหนวกท่านก็รัก เกิดมาตีนกุดมือกุด แม้ว่าท่านจะใจหายแต่ก็ยังรักเพราะท่านคิดว่า นั้นคือสายเลือดและแทนที่ท่านจะทอดทิ้ง ท่านกลับเพิ่มความรัก ความสงสารประคบประหงมลูกคนนั้นเพิ่มขึ้น ท่านไม่เคยท้อถอยหรือน้อยใจในเรา ว่ามาเกิดเป็นลูกท่านทำไมท่านรักท่าน เลี้ยงลูกมาทุกคนที่เกิดกับท่านเป็นสาย เลือดท่าน แม้ว่าท่านเลี้ยงมาจนโตแล้วลูกกลับมาตายเสีย หรือไม่พบจุดจบด้วยมีด และลูกปืนของผู้อื่น ก็ตาม ท่านก็มิได้คิดว่าจะเลี้ยงมาเพื่อตายหรือเพื่อให้คนอื่นมาฆ่าแบบนั้น ! ! ! ............................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น