วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ไอที 24 ชั่วโมง




วิธีการเลือก SD Card ให้เหมาะกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ช่วงนี้ทุกท่านส่วนใหญ่จะมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ โดยเฉพาะที่มีแน่นอนคือสมาร์ทโฟน  ส่วนรองลงมาแต่ขาดไม่ได้สำหรับคนชอบไปเที่่ยวคือ กล้องดิจิตอล และกล้องวีดีโอ รวมไปถึงอุปกรณ์แท็บเล็ต Android บางตัวที่รองรับใส่ Micro SD Card ได้ด้วย คราวนี้เกิดคำถามว่าเราควรเลือกซื้อ SD Card หรือ Micro SD Card แบบไหน? ใช้ได้กับอุปกรณ์ของเราหรือเปล่า? และ ควรซื้อClass ไหนกันแน่? วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ SD Card มาฝากกัน SD CARD ชื่อเต็มๆก็คือ Secure Digital CARD เป็นหน่วยความจำชนิด Flash Memory  ส่วนใหญ่ใว้ใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ในช่วงแรกจะนิยมใช้กับพวกกล้องดิจิตอล , เครื่องเล่นเพลง MP3 , กล้องวีดีโอ แต่ปัจจุบันนี้หน่วยความจำเป็นที่นิยมมากบนกล้องดิจิตอล กล้องวีดีโอ และกล้องระดับโปร DSLR ซึ่งต้องการหน่วยความจำที่ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วย ปัจจุบันนี้ SD CARD นี้ก็มีหลายชื่อมากขึ้น อย่่าง SD CARD , SDHC CARD , SDXC CARD มีหลายชื่อมาก ชื่อการ์ดแบบนี้ เป็นชื่อที่ขึันอยู่กับ

ขนาดความจุของหน่วยความจำ โดย SD Card (Secure Digital) มีขนาดความจุตั้งแต่ 4 MB – 4 GB ส่วน SDHC Card (Secure Digital High Capacity) เป็นการ์ดที่มีหน่วยความจำจุ 4 GB – 32GB และ SDXC Card (Secure Digital eXtended Capacity) เป็นการ์ดที่มีหน่วยความจุสูงตั้งแต่ 32 GB จนถึง 2 TB เลยทีเดียว โดยสรุปแล้ว พวก SD CARD ธรรมดาและ SDHC CARD สามารถใช้กับอุปกรณ์ต่างๆได้ โดยตัวการ์ดขนาดมาตรฐาน ใช้สำหรับพวกกล้องวีดีโอ กล้องดิจิตอล กล้อง DSLR และ SD CARD ขนาดจิ๋วอย่าง Micro SD Card สามารถใช้กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต mifi และกล้อง compact บางตัวได้ด้วย โดยการทำงานไม่ต่างจาก SD CARD ไซด์มาตรฐาน ส่วน SDXC เหมาะสำหรับเป็นหน่วยความจำคอมพิวเตอร์

เพราะจุสูงมาก แต่ก็สามารถใช้กับกล้องโปรและกล้องวีดีโอที่สเปครองรับ SDXC บางตัวด้วยเพราะการบันทึกวีดีโอ HD นั้นต้องใช้หน่วยความจำสูงเหมือนกัน จากภาพด้านบนนี้เป็น CANON EOS ที่ระบุสเปคว่าสามารถใช้กับการ์ด SDXC ได้ คราวนี้ ทั้ง SD CARD , SDHC CARD และ SDXC การ์ด มีแบบ Micro ด้วย ที่นิยมเรียกกันว่า Micro SD Card นี้ เป็นตัวหน่วยความจำไซด์เล็ก แต่ขนาดหน่วยความจำสูง ใช้กับพวกสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์พกพาต่างๆ เช่น MIFI , แท็บเล็ต เป็นต้น ทั้งนี้ Micro SD CARD สามารถเสียบกับ Micro SD Adaptor (ซึ่งส่วนใหญ่มาพร้อมกับ Micro SD Card อยู่แล้ว ) เพื่อมาใช้เสียบกับช่องเสียบ SD Card Reader ขนาดใหญ่ได้ คราวนี้ในแต่ละการ์ดก็มี Class Speed ให้เลือกด้วย Class คือความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล โดยความเร็วการ์ดในการอ่านข้อมูล มีหลาย Speed ให้เลือก ที่นิยมมีขายคือ Class 2,4,6,10เช่น เราซื้อ Micro SD แบบ SDHC การ์ด ความจุ 16 GB Class4 จะมีความสามารถในการอ่านเขียนข้อมูลความเร็ว 4MB ต่อวินาที แต่ถ้าเราซื้อ Class 10 จะสามารถอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วถึง 10MB ต่อวินาที นั่นก็หมายความว่า Class 10 สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่า Class 4 ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเลือก Class ให้สอดคล้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเราด้วย โดย Class 10 นี้เหมาะสำหรับ

สมาร์ทโฟนระดับสูง อย่างพวก Samsung Galaxy Note 3, Samsung Galaxy S4 , HTC ONE MAX , และพวกมือถือสเปคแรงๆ กับพวกกล้องแบบโปร DSLR เป็นต้น ที่จะใช้ Class 10 ได้ แม้ราคาการ์ดสูงกว่า Class อื่นๆ แต่ก็กลายเป็น Class ยอดนิยมของคนมีมือถือสเปคสูง และมีแนวโน้มราคาถูกลงด้วย ส่วนถ้าเป็นกล้องดิจิตอลทั่วไป หรือมือถือสเปคทั่วไปที่ไม่สูงนัก ก็แนะนำเลือกที่ Class 4 ก็พอเหมาะสมแล้ว ซึ่งมีขายทั่วไป ส่วนบางตัวที่หลัง Class 10 แล้วมีสัญลักษณ์ เลข 1 ในตัว U ด้วยนั้น เรียกว่า Class UHS-1 (ย่อมาจาก Ultra-High Speed Bus 1 ) มีอัตราความเร็วอ่านเขียนข้อมูล สูงถึง 104MB/วินาที และ 300MB/วินาที) อ่านได้เร็วกว่า Class 10 ธรรมดา ใช้ได้กับ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้องดิจิตอล กล้องวีดีโอได้ทุกรุ่น แต่จะเหมาะสุดสำหรับการบันทึกวีดีโอแบบ full 1080p HD และวิดีโอ 3 มิติ รวมถึงตากล้องมืออาชีพที่ต้องถ่ายภาพต่อเนื่อง คุณภาพของภาพสูง ซึ่งราคาการ์ดแพงกว่า Class 10 ธรรมดาด้วย sd-card-01SD CARD ชื่อเต็มๆก็คือ Secure Digital CARD เป็นหน่วยความจำชนิด Flash Memory , ส่วนใหญ่ใว้ใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ในช่วงแรกจะนิยมใช้กับพวกกล้องดิจิตอล , เครื่องเล่นเพลง MP3 ,

กล้องวีดีโอ แต่ปัจจุบันนี้หน่วยความจำเป็นที่นิยมมากบนกล้องดิจิตอล กล้องวีดีโอ และกล้องระดับโปร DSLR ซึ่งต้องการหน่วยความจำที่ส่งข้อมูลได้อย่างรวดเร็วด้วย sd-cardปัจจุบันนี้ SD CARD นี้ก็มีหลายชื่อมากขึ้น อย่่าง SD CARD , SDHC CARD , SDXC CARD มีหลายชื่อมาก ชื่อการ์ดแบบนี้ เป็นชื่อที่ขึันอยู่กับขนาดความจุของหน่วยความจำ SDHC_memory_cardโดย SD Card (Secure Digital) มีขนาดความจุตั้งแต่ 4 MB – 4 GB ส่วน SDHC Card (Secure Digital High Capacity) เป็นการ์ดที่มีหน่วยความจำจุ 4
GB – 32GB และ SDXC Card (Secure Digital eXtended Capacity) เป็นการ์ดที่มีหน่วยความจุสูงตั้งแต่ 32 GB จนถึง 2 TB เลยทีเดียวโดยสรุปแล้ว พวก SD CARD ธรรมดาและ SDHC CARD สามารถใช้กับอุปกรณ์ต่างๆได้ โดยตัวการ์ดขนาดมาตรฐาน ใช้สำหรับพวกกล้องวีดีโอ กล้องดิจิตอล กล้อง DSLR และ SD CARD ขนาดจิ๋วอย่าง Micro SD Card สามารถใช้กับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต mifi และกล้อง compact บางตัวได้ด้วย โดยการทำงานไม่ต่างจาก SD CARD ไซด์มาตรฐาน dxc-camera-proส่วน SDXC เหมาะสำหรับเป็นหน่วยความจำคอมพิวเตอร์ เพราะจุสูงมาก แต่ก็สามารถใช้กับกล้องโปรและกล้องวีดีโอที่สเปครองรับ SDXC บางตัวด้วยเพราะการบันทึกวีดีโอ HD นั้นต้องใช้หน่วยความจำสูงเหมือนกัน จากภาพด้านบนนี้เป็น CANON EOS ที่ระบุสเปคว่าสามารถใช้กับการ์ด SDXC ได้คราวนี้ ทั้ง

SD CARD  SDHC CARD และ SDXC การ์ด มีแบบ Micro ด้วย ที่นิยมเรียกกันว่า Micro SD Card นี้ เป็นตัวหน่วยความจำไซด์เล็ก แต่ขนาดหน่วยความจำสูง ใช้กับพวกสมาร์ทโฟน และอุปกรณ์พกพาต่างๆ เช่น MIFI , แท็บเล็ต เป็นต้น ทั้งนี้ Micro SD CARD สามารถเสียบกับ Micro SD Adaptor (ซึ่งส่วนใหญ่มาพร้อมกับ Micro SD Card อยู่แล้ว ) เพื่อมาใช้เสียบกับช่องเสียบ SD Card Reader ขนาดใหญ่ได้ คราวนี้ในแต่ละการ์ดก็มี Class Speed ให้เลือกด้วย Class คือความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูล โดยความเร็วการ์ดในการอ่านข้อมูล มีหลาย Speed ให้เลือก ที่นิยมมีขายคือ Class 2,4,6,10 เช่น เราซื้อ Micro SD แบบ SDHC การ์ด ความจุ 16 GB Class4 จะมีความสามารถในการอ่านเขียนข้อมูลความเร็ว 4MB ต่อวินาที แต่ถ้าเราซื้อ Class 10 จะสามารถอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วถึง 10MB ต่อวินาที นั่นก็หมายความว่า Class 10 สามารถโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วกว่า Class 4 ด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเลือก Class ให้สอดคล้องกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของเราด้วย โดย Class 10 นี้เหมาะสำหรับสมาร์ทโฟนระดับสูง อย่างพวก Samsung Galaxy Note 3, Samsung Galaxy S4 , HTC ONE MAX , และพวกมือถือสเปคแรงๆ กับพวก

กล้องแบบโปร DSLR เป็นต้น ที่จะใช้ Class 10 ได้ แม้ราคาการ์ดสูงกว่า Class อื่นๆ แต่ก็กลายเป็น Class ยอดนิยมของคนมีมือถือสเปคสูง และมีแนวโน้มราคาถูกลงด้วย ส่วนถ้าเป็นกล้องดิจิตอลทั่วไป หรือมือถือสเปคทั่วไปที่ไม่สูงนัก ก็แนะนำเลือกที่ Class 4 ก็พอเหมาะสมแล้ว ซึ่งมีขายทั่วไป ส่วนบางตัวที่หลัง Class 10 แล้วมีสัญลักษณ์ เลข 1 ในตัว U ด้วยนั้น เรียกว่า Class UHS-1 (ย่อมาจาก Ultra-High Speed Bus 1 ) มีอัตราความเร็วอ่านเขียนข้อมูล สูงถึง 104MB/วินาที และ 300MB/วินาที) อ่านได้เร็วกว่า Class 10 ธรรมดา ใช้ได้กับ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้องดิจิตอล กล้องวีดีโอได้ทุกรุ่น แต่จะเหมาะสุดสำหรับ

การบันทึกวีดีโอแบบ full 1080p HD และวิดีโอ 3 มิติ รวมถึงตากล้องมืออาชีพที่ต้องถ่ายภาพต่อเนื่อง คุณภาพของภาพสูง ซึ่งราคาการ์ดแพงกว่า Class 10 ธรรมดาด้วย ข้อมูลจาก Amazon , Kingston ส่วนบางตัวที่หลัง Class 10 แล้วมีสัญลักษณ์ เลข 1 ในตัว U ด้วยนั้น เรียกว่า Class UHS-1 (ย่อมาจาก Ultra-High Speed Bus 1 ) มีอัตราความเร็วอ่านเขียนข้อมูล สูงถึง 104MB/วินาที และ 300MB/วินาที) อ่านได้เร็วกว่า Class 10 ธรรมดา ใช้ได้กับ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต กล้องดิจิตอล กล้องวีดีโอได้ทุกรุ่น แต่จะเหมาะสุดสำหรับการบันทึกวีดีโอแบบ full 1080p HD และวิดีโอ 3 มิติ รวมถึงตากล้องมืออาชีพที่ต้องถ่ายภาพต่อเนื่อง คุณภาพของภาพสูง ซึ่งราคาการ์ดแพงกว่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น