สวัสดี เพื่อน รัตติกาล ทุก ๆ ท่านก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวว่าผมไม่มีความรู้ทาง ธรรม เลยอาศัย การอ่าน การจดจำ การฟังเท่านั้นและการเขียนบทความต่าง ๆ และหาภาพมาลงให้เพื่อน ๆ ดูยิ่งเป็นการยากมากเลยและอีกประการหนึ่งผมถ่ายภาพมาเองเพราะฉะนั้นไม่ต้องต้องกลัวเรื่องการละเมิดลิขสิทธื์
หัวข้อธรรม....ผู้มีปัญญา อยู่ครองเรือน เพื่อประโยชน์แก่หมู่ชน พหูนํ วต อตฺถาย สปฺปญฺโญ ฆรมาวสํ(สัปปุริสสูตร ๒๓/๒๑๙)
จงทุกข์เมื่อมีทุกข์ จงสุขเมื่อมีสุข ให้คิดว่า ทั้งทุกข์และสุขคือความเป็นจริงของชีวิตความต้องการไขว่หาความสุขมากเกินไปคือที่มาของความทุกข์การสะใจกับความล้มเหลวของผู้อื่น ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประสบความสำเร็จการจมอยู่กับความทุกข์เศร้าไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นการมอบความรู้สึกดี ๆ แก่ทุกคน คือ เสน่ห์ที่ทุกคนสามารถมีได้การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต คือการค้นพบตัวเอง
พุทธอุทาน....บัณฑิตในโลกนี้เมื่อยังมีความบากบั่นอยู่ควรละเว้นบาปทุกอย่างเหมือนคนตาดีละเว้นทางขรุขระฉะนั้นภิกษุผู้มีจิตสงบ และระงับกิเลสได้ ตัดปัญหา ที่นำไปสู่ภพชาติได้ มีชาติสงสารสิ้นแล้ว ชื่อว่า เป็นผู้หลุดพ้น จากเครื่องผูก แห่งมาร ความสงสัยเหล่าใดเหล่าหนึ่งที่มีในอัตภาพนี้ หรือในอัตภาพอื่นที่มีในความรู้ของตนหรือในความรู้ของผู้อื่นบุคคลผู้เพ่งพินิจมีความเพียรประพฤติพรหมจรรย์อยู่ย่อมละเว้นความสงสัยเหล่านั้นทั้งหมด
การอธิฐานที่หลอมด้วยจิตใจที่ไม่มีอะไรมาทำลายได้ดังกล่าว ลุกโชนด้วยความหวังที่ไร้ขีดจำกัด นำมาซึ่งความสงบของจิตใจและพลังที่จะก้าวหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว นี่เป็นบ่อเกิดของความสุขที่ไม่มีอะไรเหนือกว่านี้ และเป็นหนึ่งในการการทำที่สูงส่งที่สุดที่เราสามารถทำได้ ในฐานะมนุษย์เราสามารถได้รับ ความปีติยินดีที่ไร้ขอบเขตของธรรมะอย่างอิสระเสรี ซึ่งคือสภาพชีวิตของโลกพุทธให้อ่านว่า พุทธะ สำหรับวันนี้จบเพียงเท่านี้ เพราะผมต้องไปทำอย่างอื่นต่อ....ราตรีสวัสดิ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น